หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

15.ปัญหาทางจริยธรรม(Ethical Considerations)


        http://cai.md.chula.ac.th/lesson/research/re12.htm ได้รวบรวมและกล่าวไว้ว่า ปัญหาทางจริยธรรม(Ethical Considerations) ในการวิจัยในมนุษย์ จะต้องชอบด้วยมนุษยธรรม จริยธรรม และไม่เป็นการกระทำที่ผิดกฏหมาย ต้องมีการวิเคราะห์ เปรียบระหว่างประโยชน์ และโทษ ที่อาจจะเกิดขึ้น จากการวิจัยนั้น ๆ รวมทั้งหามาตรการ ในการคุ้มครองผู้ถูกทดลอง ค้นหาผลเสียที่อาจจะเกิดขึ้น โดยเร็วที่สุด พร้อมทั้งหาวิธีการ ในการป้องกัน หรือแก้ไข เมื่อมีอันตรายเกิดขึ้น ตลอดจนการหยุดการทดลองทันที เมื่อพบว่าการทดลองนั้น อาจจะก่อให้เกิดอันตรายได้
การประเมินปัญหาจริยธรรม มีแนวคิดบางประการ ที่สมควรนำมาพิจารณาดังนี้
    1. งานวิจัยนั้นควรทำหรือไม่ ทั้งหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่จะมาสนับสนุนหรือคัดค้าน คำถามการวิจัย รูปแบบและระเบียบวิธีวิจัย
    2. การวิจัยนี้จำเป็นต้องทำในคนหรือไม่ ถ้าจำเป็นต้องทำ ผู้วิจัยมีหลักฐานการวิจัยในสัตว์ทดลอง หรือการวิจัยอื่น ๆ มายืนยันว่า ประสบผลสำเร็จตามสมควร หรือไม่
    3. การวิจัยนั้น คาดว่าจะเกิดผลดีมากกว่าผบเสียต่อตัวอย่างที่นำมาศึกษาหรือไม่
    4. ผู้วิจัยต้องมีความรู้ความสามารถในเรื่องที่จะทำวิจัยเป็นอย่างดี และสามารถอธิบายถึงผลดีและผลเสียต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นจากการวิจัยนั้นได้
    5. ต้องได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษร (informed consent) จากตัวอย่างที่นำมาศึกษา หรือผู้ปกครอง หรือผู้อนุบาล แล้วแต่กรณี โดยผู้วิจัย ต้องให้ข้อมูลที่ละเอียด และชัดเจนเพียงพอ ก่อนให้ผู้ถูกทดลอง เซ็นใบยินยอม เช่น
ก. อธิบายถึงวัตถุประสงค์ และวิธีการที่จะใช้
ข. อธิบายถึงประโยชน์ที่จะได้รับ และอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น รวมทั้งผลข้างเคียงต่าง ๆ ความไม่สะดวกสบาย ที่อาจจะเกิดขึ้น ระหว่างการทดลองนั้น
ค. ผู้ถูกทดลอง ต้องได้รับการยืนยันว่า มีสิทธิจะถอนตัวออกจากการศึกษา เมื่อไรก็ได้ โดยการถอนตัวนั้น จะไม่ก่อให้เกิดอคติ ในการได้รับการดูแล รักษาพยาบาลต่อไป
ง. ข้อมูลทั้งหลาย จะถูกเก็บเป็นความลับ
    6. ผู้วิจัยต้องรับผิดชอบ ในการดูแล แก้ไข อันตราย หรือผลเสียต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น แก่ผู้ทดลองโดยทันที และต้องปฏิบัติอย่างสุดความสามารถ ทั้งนี้ ต้องเตรียมอุปกรณ์จำเป็น และมีประสิทธิภาพ ในการช่วยเหลือให้ครบถ้วน
    7. จำนวนตัวอย่าง (simple size) ที่ใช้ ต้องใช้เพียงเท่าที่จำเป็น โดยคำนึงถึงระเบียบวิธีวิจัยที่กล่าวมาแล้ว
    8. ในกรณีที่มีการจ่ายค่าตอบแทนให้อาสาสมัคร ต้องระบุด้วยว่า ให้อย่างไร และเป็นจำนวนเท่าไร
โดยทั่วไป การวิจัยในมนุษย์ จำเป็นต้องส่งโครงร่างการวิจัย ให้คณะกรรมการจริยธรรม ของแต่ละสถาบัน หรือของกระทรวงฯ พิจารณา เพื่อขอความเห็นก่อนเสมอ

       http://www.bestwitted.com ได้รวบรวมและกล่าวไว้ว่า จริยธรรมของการทำวิจัย โครงสร้างทางจริยธรรมและหลักเกณฑ์ทางด้านศีลธรรม คุณธรรม ที่เป็นที่ยอมรับของการทำวิจัย มีดังต่อไปนี้
1.สิทธิของบุคคล- ถ้าละเมิดอาจผิดกฎหมาย
2.หลักความยุติธรรม-ผลการวิจัยต้องให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยไม่ก่อให้เกิดความอคติต่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
3.ความซื่อสัตย์ ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัย ต้องซื่อสัตย์ (ห้ามแต่งเติมตัวเลขเด็ดขาดครับ)
4.คำนึงถึงผลประโยชน์ที่ได้รับจากการวิจัย ถ้าผลวิจัยมีความแม่นยำ จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้วิจัยถึงแม้ผลวิจัยจะออกมาให้แง่ลบ แต่ผู้วางแผนจะได้วางแผนงานล่วงหน้าได้อย่างถูกต้อง
กลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยคือ ผุ้ว่าจ้าง, ผู้วิจัย และผู้ตอบ  ลักษณะของแต่ละกลุ่มมีดังต่อไปนี้
     ผู้ว่าจ้าง ไม่โฆษณาเกินความเป็นจริงจากผลการวิจัย ไม่เผยแพร่ข้อมูลที่เป็นความลับจนกว่าจะได้รับอนุญาตจากผู้ที่เกี่ยวข้อง และรักษาข้อผูกมัดทางวิจัย เช่น หลังการวิจัย 10 ปีผู้วิจัยจึงจะสามารถขายข้อมูลได้
      ผู้วิจัย ต้องมีความรู้ในการทำวิจัย ไม่ควรนำเสนอข้อมูล ที่มีความคลาดเคลื่อนสูง ต้องนำเสนอผลตามข้อเท็จจริง, ไม่สร้างข้อมูลขึ้นเอง และไม่นำข้อมูลไปขายให้คนอื่นๆ
ผู้ตอบตอบตามความเป็นจริง มีอิสระในการตอบ ไม่ถูกบังคับหรือชักนำในการตอบ มีสิทธิในการปกปิดข้อมูลบางอย่าง เช่น ชื่อ, ที่อยู่
       คุณสมบัติที่ดีของผู้วิจัย คือ มีความซื่อสัตย์, มีความรู้, ไม่มีอคติต่อผู้ที่เกี่ยวข้อง หรือ หัวข้อวิจัย,ไม่เอาความคิดส่วนตัวมาเป็นเครื่องตัดสินใจผลวิจัย, ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น,เป็นคนช่างสังเกต, ละเอียด, รอบคอบ , มีความอดทน ตรงต่อเวลา, มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี,และ รู้จักประหยัดใช้ทรัพยากรในการวิจัย   

   http://www.google.com/url?sa=D&q=http://www.stc.arts.chula.ac.th/resear chethics _chaichana.doc&usg=AFQjCNEvc8kltO8cVbOoT2eK-QJLoLYgOg  ได้รวบรวมและกล่าวไว้ว่า การทำผิดพลาดทางจริยธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวิจัยนั้น ส่วนมากเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์มากกว่าที่จะเกิดจากเจตนาไม่ดี ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ที่พบบ่อยได้แก่ การไม่ตระหนักว่านอกเหนือจากปัญหาสุขภาพแล้วปัญหาเรื่องสิทธิก็สำคัญ เราเคยชินกับการให้การดูแลรักษาเพื่อประโยชน์ของผู้ป่วยเป็นหลัก ซึ่งในประเด็นนี้ บางกรณีเจตนาที่ดี ความเมตตากรุณาที่มีต่อผู้ป่วยอาจอยู่เหนือสิทธิของผู้ป่วยได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยที่ไม่สามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง แต่ในกรณีของการวิจัยนั้นสิทธิของผู้เข้าร่วมวิจัยมีความสำคัญมาก เพราะไม่ว่าจะเป็นการวิจัยใดก็ตามต้องถือว่าไม่ใช่การรักษา เพราะฉะนั้นผู้เข้าร่วมวิจัยมีสิทธิเต็มที่ในการเข้าหรือไม่เข้าร่วม ร่วมมือหรือถอนตัวได้ตลอดเวลาความไม่รู้ที่พบบ่อยอีกประการหนึ่งก็คือ หลักจริยธรรมการทำวิจัยในมนุษย์ทั่วไป ซึ่งบางประเด็นได้รับความสำคัญน้อย เช่น การเคารพศักดิ์ศรีของผู้เข้าร่วมวิจัย (Respect for person) ซึ่งแสดงออกทางหนึ่งจากการยินยอมตามที่ได้บอกกล่าว (Informed consent) ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการปกป้องผู้เข้าร่วมวิจัยจากความเสี่ยงในการถูกละเมิดสิทธิอันเป็นผลมาจากการเข้าร่วมวิจัย

สรุป
        ปัญหาทางจริยธรรม(Ethical Considerations)  ในการวิจัยในมนุษย์ จะต้องชอบด้วยมนุษยธรรม จริยธรรม และไม่เป็นการกระทำที่ผิดกฏหมาย ต้องมีการวิเคราะห์ เปรียบระหว่างประโยชน์ และโทษ ที่อาจจะเกิดขึ้น จากการวิจัยนั้น ๆ รวมทั้งหามาตรการ ในการคุ้มครองผู้ถูกทดลอง ค้นหาผลเสียที่อาจจะเกิดขึ้น โดยเร็วที่สุด พร้อมทั้งหาวิธีการ ในการป้องกัน หรือแก้ไข เมื่อมีอันตรายเกิดขึ้น ตลอดจนการหยุดการทดลองทันที เมื่อพบว่าการทดลองนั้น อาจจะก่อให้เกิดอันตรายได้
การประเมินปัญหาจริยธรรม มีแนวคิดบางประการ ที่สมควรนำมาพิจารณาดังนี้
1. งานวิจัยนั้นควรทำหรือไม่ ทั้งหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่จะมาสนับสนุนหรือคัดค้าน คำถามการวิจัย รูปแบบและระเบียบวิธีวิจัย
2. การวิจัยนี้จำเป็นต้องทำในคนหรือไม่  ถ้าจำเป็นต้องทำ ผู้วิจัยมีหลักฐานการวิจัยในสัตว์ทดลอง หรือการวิจัยอื่น ๆ มายืนยันว่า ประสบผลสำเร็จตามสมควร หรือไม่
3. การวิจัยนั้น คาดว่าจะเกิดผลดีมากกว่าผบเสียต่อตัวอย่างที่นำมาศึกษาหรือไม่
4. ผู้วิจัยต้องมีความรู้ความสามารถในเรื่องที่จะทำวิจัยเป็นอย่างดี และสามารถอธิบายถึงผลดีและผลเสียต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นจากการวิจัยนั้นได้
5. ต้องได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษร (informed consent) จากตัวอย่างที่นำมาศึกษา หรือผู้ปกครอง หรือผู้อนุบาล แล้วแต่กรณี โดยผู้วิจัย ต้องให้ข้อมูลที่ละเอียด และชัดเจนเพียงพอ ก่อนให้ผู้ถูกทดลอง เซ็นใบยินยอม
6. ผู้วิจัยต้องรับผิดชอบ ในการดูแล แก้ไข อันตราย หรือผลเสียต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น แก่ผู้ทดลองโดยทันที และต้องปฏิบัติอย่างสุดความสามารถ ทั้งนี้ ต้องเตรียมอุปกรณ์จำเป็น และมีประสิทธิภาพ ในการช่วยเหลือให้ครบถ้วน
7. จำนวนตัวอย่าง (simple size) ที่ใช้ ต้องใช้เพียงเท่าที่จำเป็น โดยคำนึงถึงระเบียบวิธีวิจัยที่กล่าวมาแล้ว
8. ในกรณีที่มีการจ่ายค่าตอบแทนให้อาสาสมัคร ต้องระบุด้วยว่า ให้อย่างไร และเป็นจำนวนเท่าไร
โดยทั่วไป การวิจัยในมนุษย์ จำเป็นต้องส่งโครงร่างการวิจัย ให้คณะกรรมการจริยธรรม ของแต่ละสถาบัน หรือของกระทรวงฯ พิจารณา เพื่อขอความเห็นก่อนเสมอ

อ้างอิง
      http://cai.md.chula.ac.th/lesson/research /re12.htm.เข้าถึงข้อมูลเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2555.
      http://www.bestwitted.com .เข้าถึงข้อมูลเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2555.
       http://www.google.com/url?sa=D&q=http ://www.stc.arts.chula.ac.th /researchethics_ chaichana.doc&usg=AFQjCNEvc8kltO8cVbOoT2eK-QJLoLYgOg .เข้าถึงข้อมูลเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2555.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น