http://e-learning.snru.ac.th/els/scilife/unit1/hypothesis.htm ได้สรุปและกล่าวไว้ว่า สมมติฐาน (Hypothesis) หมายถึง
ข้อความที่นักวิทยาศาสตร์สร้างขึ้นเพื่อคาดคะเนคำตอบของปัญหาล่วงหน้าก่อนที่จะดำเนินการทดลอง
สมมติฐานใดจะเป็นที่ยอมรับหรือไม่ขึ้นอยู่กับหลักฐาน เหตุผลที่จะสนับสนุนหรือคัดค้าน
http://blog.eduzones.com/jipatar/85921 ได้สรุปและกล่าวไว้ว่า การตั้งสมมติฐาน
เป็นการคาดคะเนหรือการทายคำตอบอย่างมีเหตุผล มักเขียนในลักษณะ การแสดงความสัมพันธ์
ระหว่างตัวแปรอิสระหรือตัวแปรต้น(independent
variables) และตัวแปรตาม (dependent variable) เช่น การติดเฮโรอีนชนิดฉีด เป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคเอดส์
สมมติฐานทำหน้าที่เสมือนเป็นทิศทาง และแนวทาง ในการวิจัย จะช่วยเสนอแนะ
แนวทางในการ เก็บรวบรวมข้อมูล และการวิเคราะห์ข้อมูลต่อไป
สมมติฐานต้องตอบวัตถูประสงค์ของการวิจัยได้ครบถ้วนและทดสอบและวัดได้
นอกจากนี้ ผู้วิจัยควรนำเอาสมมติฐานต่างๆ
ที่เขียนไว้มารวมกันให้เป็นระบบและมีความเชื่อมโยงกันในลักษณะที่เป็นกรอบแนวความคิดของการศึกษาวิจัยทั้งเรื่อง
เช่น จะศึกษาถึง พฤติกรรมสุขภาพเมื่อเจ็บป่วยของคนงาน อาจต้องแสดง
(นิยมทำเป็นแผนภูมิ) ถึงที่มาหรือปัจจัยที่เป็นตัวกำหนดในพฤติกรรมดังกล่าว
หรือในทางกลับกัน ผู้วิจัยอาจกำหนดกรอบแนวความคิดของการวิจัย
ซึ่งระบุว่าการวิจัยนี้มีตัวแปรอะไรบ้าง
และตัวแปรเหล่านี้มีความสัมพันธ์กันอย่างไรก่อน
แล้วจึงเขียนสมมติฐานที่ระบุถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรในลักษณะที่เป็นข้อๆ
ในภายหลัง
https://docs.google.com/viewer?a=v&q=cache:XUxhobD4CmoJ ได้สรุปและกล่าวไว้ว่า
สมมติฐานทางการวิจัย มี 2 ชนิดคือ
1.1 สมมติฐานทางการวิจัยมีแบบมีทิศทาง ( Directional hypothesis ) เป็นสมมติฐานที่เขียนระบุอย่างชัดเจนถึงทิศทางของความแตกต่างถึงทิศทางของความแตกต่างระหว่างกลุ่ม
โดยมีคำว่า
“ ดีกว่า
” หรือ “ สูงกว่า
” หรือ “ ต่ำกว่า ”
หรือ “ น้อยกว่า” ในสมมติฐานนั้นๆดังตัวอย่างที่
1
ข้างต้น หรือระบุทิศทางของความสัมพันธ์ โดยมีคำว่า “
ทางบวก ” หรือ
“ทางลบ
” ในสมมติฐานนั้นๆ เช่น
ผู้บริหารเพศชายมีประสิทธิภาพในการบริหารงานมากกว่าผู้บริหารเพศหญิง
ผู้บริหารชายมีการใช้อำนาจในตำแหน่งมากกว่าผู้บริหารหญิง
ครูอาจารย์เพศชายมีความวิตกกังวลในการทำงานน้อยกว่าครูอาจารย์เพศหญิง
เจตคติต่อวิชาวิจัยทางการศึกษามีความสัมพันธ์ทางบวกกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิจัยทางการศึกษา
1.2 สมมติฐานทางการวิจัยไม่มีแบบไม่มีทิศทาง (Nondirectional hypothesis ) เป็นสมมติฐานที่ไม่กำหนดทิศทางของความแตกต่างดังตัวอย่างที่
2
หรือไม่กำหนดทิศทางของความสัมพันธ์
ดังตัวอย่างเช่น
นักเรียนที่มีเพศต่างกันมีเจตคติต่อวิชาคณิตศาสตร์แตกต่างกัน
ผู้บริหารที่มีเพศต่างกันมีปัญหาในการบริหารงานวิชาการแตกต่างกัน
ภาวะผู้ของผู้บริหารมีความสัมพันธ์กับบรรยากาศองค์การ
สรุป
สมมติฐาน (Hypothesis) หมายถึง ข้อความที่นักวิทยาศาสตร์สร้างขึ้นเพื่อคาดคะเนคำตอบของปัญหาล่วงหน้าก่อนที่จะดำเนินการทดลอง
สมมติฐานใดจะเป็นที่ยอมรับหรือไม่ขึ้นอยู่กับหลักฐาน เหตุผลที่จะสนับสนุนหรือคัดค้าน
(ข้อความที่เป็นสมมติฐานต้องเป็นข้อความคาดคะเนคำตอบโดยที่บุคคลนั้นยังไม่เคยรู้หรือเรียนมาก่อน)
ซึ่งสมมติฐานทางการวิจัย มี 2 ชนิดคือ
1.1 สมมติฐานทางการวิจัยมีแบบมีทิศทาง ( Directional hypothesis ) เป็นสมมติฐานที่เขียนระบุอย่างชัดเจนถึงทิศทางของความแตกต่างถึงทิศทางของความแตกต่างระหว่างกลุ่ม
โดยมีคำว่า
“ ดีกว่า
” หรือ “ สูงกว่า
” หรือ “ ต่ำกว่า ”
หรือ “ น้อยกว่า”
1.2 สมมติฐานทางการวิจัยไม่มีแบบไม่มีทิศทาง (Nondirectional hypothesis ) เป็นสมมติฐานที่ไม่กำหนดทิศทางของความแตกต่างดังตัวอย่างที่
2
หรือไม่กำหนดทิศทางของความสัมพันธ์
อ้างอิง
http://e-learning.snru.ac.th/els/scilife/unit1/hypothesis.htm.เข้าถึงข้อมูลเมื่อวันที่ 22
พฤศจิกายน 2555.
https://docs.google.com/viewer?a=v&q=cache:XUxhob D4CmoJ .เข้าถึงข้อมูลเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน
2555.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น