http://cai.md.chula.ac.th/lesson/research/re12.htm ได้รวบรวมและกล่าวไว้ว่า ภาคผนวก (Appendix)สิ่งที่เอาไว้ที่ภาคผนวก
เช่น แบบสอบถาม แบบฟอร์มในการเก็บ หรือบันทึกข้อมูล เป็นต้น เมื่อภาคผนวก
มีหลายภาค ให้ใช้เป็น ภาคผนวก ก ภาคผนวก ข ภาคผนวก ค แต่ภาคผนวก ให้ขึ้นหน้าใหม่
http://blog.eduzones.com/jipatar/85921 ได้รวบรวมแล้วกล่าวไว้ว่า สิ่งที่นิยมเอาไว้ที่ภาคผนวก เช่น แบบสอบถาม แบบฟอร์มในการเก็บหรือบันทึกข้อมูล เมื่อภาคผนวก มีหลายภาค ให้ใช้เป็น ภาคผนวก ก ภาคผนวก ข ฯลฯ แต่ละภาคผนวก ให้ขึ้นหน้าใหม่
ดร.พิชิต
ฤทธิ์จรูญ. (2544 : 392). ได้กล่าวว่า
ภาคผนวกเป็นรายละเอียดต่างๆที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยที่ต้องนำเสนอยืนยันเพื่อแสดงถึงการดำเนินการวิจัยอย่างเป็นระบบ
และเพิ่มความน่าเชื่อถือของผลงานวิจัยอีกทั้งจะเป็นการช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจรายงานการวิจัยได้ดียิ่งขึ้น
และได้เห็นแบบอย่างหรือแนวทางการดำเนินงานในบางประการ
ภาคผนวกมีหลายลักษณะซึ่งอาจนำเสนอแยกเป็นหมวดหมู่เป็นภาคผนวก ก ภาคผนวก ข ภาคผนวก
ค ฯลฯ และอาจเรียงลำดับตามขั้นตอนของกระบวนการวิจัย
สรุป
ภาคผนวก (Appendix)
เป็นส่วนหนึ่งของหนังสือหรืองานเขียนที่นำมาจัดไว้ตอนท้ายเนื้อเรื่องของหนังสือหรือหรือสิ่งพิมพ์
ส่วนที่นำมาจัดไว้ในภาคผนวกนี้ ได้แก่ ตารางสถิติ แผนที่ รายชื่อ
หรือคำอธิบายที่ยาวเกินกว่าจะรวมไว้ในเนื้อหาหรือในรายการเชิงอรรถของหนังสือ
รายการในภาคผนวกนี้เป็นส่วนที่นำมาเสริมเนื้อหาของหนังสือให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
โดยทั่วไปภาคผนวกจะปรากฏอยู่ตอนท้ายของเนื้อเรื่อง ตามด้วยหมายเหตุ อภิธานศัพท์
บรรณานุกรม และดัชนี ถ้ารายการในภาคผนวกนี้มีความสำคัญพอ
บรรณารักษ์ผู้ทำบัตรรายการจะระบุไว้ในบัตรรายการด้วย
ภาคผนวกในงานวิจัยหรือในวิทยานิพนธ์คือ ส่วนเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องใน
วิทยานิพนธ์ ภาคนิพนธ์ ที่ผู้ทำวิทยานิพนธ์ ภาคนิพนธ์ นำมาแสดงประกอบไว้เพื่อให้
วิทยานิพนธ์ ภาคนิพนธ์สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ก่อนรายการภาคผนวกให้มีหน้าบอกตอนภาคผนวก
อ้างอิง
พิชิต ฤทธิ์จรูญ. (2544). ระเบียบวิธีการวิจัยทางสัมคมศาสตร์.กรุงเทพฯ :
ศูนย์หนังสือราชภัฏพระนคร.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น