http://ruchareka.wordpress.com/2009/08/07/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%84%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%A2-conceptual-framewo/ ได้รวบรวมและกล่าวไว้ว่า
กรอบแนวคิดในการวิจัย (Conceptual Framework)
เป็นขั้นตอนหนึ่งในการเขียนโครงร่างการวิจัย
(Research Proposal) เป็นการสรุปความคิดของผู้ทำวิจัย ได้แก่
สิ่งที่ผู้วิจัยต้องการทำนั้นมีรูปแบบและทิศทางใด
มีประเด็นใดบ้างที่ต้องการทำวิจัย และความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรต่างๆ
ที่กำหนดไว้เป็นข้อสมมุติฐานในการศึกษาวิจัย ทั้งตัวแปรต้น (ตัวแปรอิสระ)
และตัวแปรตาม
ผู้ทำวิจัย จะสรุปความคิดหรือสร้างมโนภาพ (Concept) เพื่อนำมาสร้าง
Conceptual Framework ได้ จะต้องอาศัยการอ่านทบทวนผลงานวิจัยอื่นๆ
และศึกษาทฤษฎีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องก่อน แล้วนำมาผสมกับแนวความคิดและประสบการณ์ของผู้วิจัยเอง
บุญธรรม กิจปรีดาบริสุทธิ์(39-40) ได้รวบรวมและกล่าวไว้ว่า กรอบแนวคิดการวิจัย
เป็นภาพพจน์ที่เป็นแนวคิดในการวิจัยเรื่องนั้น การกำหนดกรอบแนวคิดการวิจัย
จะต้องเริ่มจากการทบทวนเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง วิเคราะห์ประเด็นปัญหา กำหนดปัญหาการวิจัยให้ชัดเจน
และหาแนวทางการค้นหาคำตอบ จากนั้นประมวลเป็นกรอบแนวคิดการวิจัยเรื่องนั้น
จึงต้องทำความเข้าใจในเรื่องต่อไปนี้
1. ปัญหาหลักที่ต้องการวิจัยคืออะไร และอะไรเป็นปัญหาที่ต้องการทราบกันแน่
2. อะไรเป็นตัวแปรตามและตัวแปรอิสระ ตัวแปรแทรกและตัวแปรควบคุม
ตัวแปรต่างๆที่นำมาศึกษามีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันอย่างไร
3. ข้อมูลที่จะใช้ในการวิจัยเรื่องนั้นมีอะไรบ้าง
แหล่งข้อมูลอยู่ที่ไหนและจะเก็บรวบรวมมาได้อย่างไร
4. การหาคำตอบในการวิจัยนั้น สามารถใช้ระเบียบวิธีวิจัย
หรือแบบการวิจัย(research design) ในลักษณะใดได้บ้าง และจะเลือกใช้การวิจัยแบบใด
ทำไมจึงเลือกแบบนั้น
5. มีแนวคิดและทฤษฎีอะไรบ้างที่สนับสนุนการวิจัยในปัญหานี้
6. มีข้อตกลงเบื้องต้นในการทำวิจัยเรื่องนี้หรือไม่
มีอย่างไรบ้าง
จากการวิเคราะห์ดังกล่าวนำมาประมวลรวมเป็นกรอบแนวคิดโดยพยายามนำเสนอในลักษณะเป็นรูปธรรม
ซึ่งมักจะทำเป็นแผนผังแสดงความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่ศึกษา ประกอบการอธิบาย
การกำหนดกรอบแนวความคิดในการวิจัย
เป็นขั้นตอนต่อจากการกำหนดประเด็นปัญหาวิจัย
1 ความหมาย
*หมายถึงกรอบของการวิจัยด้านเนื้อหาสาระประกอบด้วยตัวแปร
การระบุความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร
*ต่างจากขอบเขตการวิจัย ที่หมายถึงประเด็นต่างๆ ที่จะศึกษาและขอบเขตของประชากรที่จะศึกษา
*กรอบแนวความคิดมีพื้นฐานจากทฤษฎี
1.1การวิจัยเชิงพรรณนา (Descriptive
research) กับกรอบแนวความคิด
*ระบุเฉพาะตัวแปรที่จะศึกษา
ไม่ระบุความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร เหมือนขอบเขตด้านเนื้อหาสาระของการวิจัย
1.2การวิจัยเชิงอธิบาย (Explanatory
research) กับกรอบแนวความคิด
*ระบุตัวแปรและความสัมพันธ์
1.3สรุปกรอบแนวความคิด
1) เป็นกรอบการวิจัยด้านเนื้อหาสาระ
ประกอบด้วยตัวแปรและการระบุความสัมพัน์ระหว่างตัวแปร
2) หรือเป็นแนวความคิดของผู้วิจัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่กำหนดเป็นสมมติฐาน
3) มีความสำคัญสำหรับการวิจัยประเภทการอธิบาย (Explanatory research) เพราะเรื่องเดียวกันมีทฤษฎี
หรือแนวคิดเพื่อการศึกษาหลายรูปแบบ
4) ควรมีพื้นฐานจากทฤษฎีเพื่อเพิ่มพูนและปรับปรุงความรู้เติมให้ถูกต้องยิ่งขึ้น
5) กรอบแนวคิด = สมมติฐาน เพราะระบุความสัมพันธ์ของตัวแปรเช่นเดียวกัน
6) ได้จากผลงานวิจัยและทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง แนวความคิด
7) การศึกษาเรื่องเดียวกันมีทฤษฎีและแนวคิดในการมองปัญหาหลายรูปแบบการระบุกรอบแนวคิดจะทำให้มองปัญหาหลายรูปแบบ
การระบุกรอบแนวคิดจะทำให้ทราบว่าผู้วิจัยมีแนวความคิดกับสิ่งที่ศึกษาและคิดว่าอะไรสัมพันธ์กับอะไร
รูปแบบและทิศทางใด
1.4 การเสนอกรอบแนวความคิด
1) คำพรรณนา เขียนบรรยาย
ตัวแปรที่สำคัญและความสัมพันธ์กับตัวแปรตาม ประเด็นของปัญหาวิจัย
2) แบบจำลอง
ใช้สัญลักษณ์และสมการระบุความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรตามและตัวแปรอิสระ เช่น
A = f (I, E, O, G)
A = Adoption I = Income
O = Occupation E = Education
G = Group membership
A = a+b1I + b2 E+b3 O+ b4G
A = ค่าคงที่
b1...b4 = สัมประสิทธิ์สหพันธ์ระหว่าง I, E, O และ
G ที่มีต่อ A
เครื่องหมาย +(บวก)
หรือ – (ลบ) แสดงทิศทางของความสัมพันธ์กับตัวแปรตามคือ A (Adoption)
3) แบบผสมผสาน
พรรณนา + จำลอง
พรรณนา + แผนภาพ
(หรือแผนภูมิ) นิยมมาก
แผนภาพ + จำลอง
สรุป
กรอบแนวคิดในการวิจัย
(Conceptual Framework) เป็นขั้นตอนหนึ่งในการเขียนโครงร่างการวิจัย (Research Proposal) เป็นการสรุปความคิดของผู้ทำวิจัย ได้แก่
สิ่งที่ผู้วิจัยต้องการทำนั้นมีรูปแบบและทิศทางใด
มีประเด็นใดบ้างที่ต้องการทำวิจัย และความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรต่างๆ
ที่กำหนดไว้เป็นข้อสมมุติฐานในการศึกษาวิจัย ทั้งตัวแปรต้น (ตัวแปรอิสระ)
และตัวแปรตาม และหาแนวทางการค้นหาคำตอบ
จากนั้นประมวลเป็นกรอบแนวคิดการวิจัยเรื่องนั้น จึงต้องทำความเข้าใจในเรื่องต่อไปนี้
1. ปัญหาหลักที่ต้องการวิจัยคืออะไร และอะไรเป็นปัญหาที่ต้องการทราบกันแน่
2. อะไรเป็นตัวแปรตามและตัวแปรอิสระ
ตัวแปรแทรกและตัวแปรควบคุม
ตัวแปรต่างๆที่นำมาศึกษามีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันอย่างไร
3. ข้อมูลที่จะใช้ในการวิจัยเรื่องนั้นมีอะไรบ้าง
แหล่งข้อมูลอยู่ที่ไหนและจะเก็บรวบรวมมาได้อย่างไร
4. การหาคำตอบในการวิจัยนั้น สามารถใช้ระเบียบวิธีวิจัย
หรือแบบการวิจัย(research design) ในลักษณะใดได้บ้าง และจะเลือกใช้การวิจัยแบบใด
ทำไมจึงเลือกแบบนั้น
5. มีแนวคิดและทฤษฎีอะไรบ้างที่สนับสนุนการวิจัยในปัญหานี้
6. มีข้อตกลงเบื้องต้นในการทำวิจัยเรื่องนี้หรือไม่
มีอย่างไรบ้าง
อ้างอิง
http://ruchareka.wordpress.com/2009 /08/07/% E0%B8%81%E0%B8%A3%E 0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B9%81% E0%B8 %99%E0%B8%A7 %E0% B8%84%E0% B8%B4%E0%B8%94%E0%B9 %83% E0%B8%99% E0% B8% 81%E0%B8%B2%E0%B8%A3 %E0%B8%A7%E0% B8%B4 %E0% B8%88 %E0%B8%B1%E0%B8%A2-conceptual-framewo/.
เข้าถึงข้อมูลเมื่อวันที่ 22
พฤศจิกายน 2555.
บุญธรรม กิจปรีดาบริสุทธิ์. (2549). ระเบียบวิธีการวิจัยทางสังคมศาสตร์.
(พิมพ์ครั้งที่ 9). กรุงเทพมหานคร : จามจุรีโปรดักท์.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น